วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เอาเนื้อวัวมาแกงเขียวหวานกัน(เป็นอีกเมนูที่ผมชอบทำกินมาก)



ส่วนผสม เครื่องปรุง

- เนื้อวัวส่วนน่องลาย(มันจะมีเอ็นแทรกกลางอร่อยมาก) 1,000 กรัม

- กะทิ 1,000 กรัม

- พริกแกงเขียวหวาน 300 กรัม

- น้ำปลา  80 กรัม

- ยอดมะพร้าวอ่อน 300 กรัม

- มะเขือพวง 400 กรัม

- ใบโหระพา  40 กรัม




เริ่มจากหั่นเนื้อก่อน แล้วแต่ว่า ใครชอบ ชิ้นใหญ่ ชิ้นเล็ก เนื้อติดเอ็น เนื้อติดมัน หรือเนื้อล้วน ตามสะดวกเลยครับ


เอาหางกะทิมาใส่หม้อติดไฟ  จนเดือดพล่านทั้งหม้อ แล้วถึงใส่เนื้อ ต้มไฟอ่อน-ปานกลาง รอจนคิดว่ามเนื้อน่าจะเปื่อย(อันนี้ไม่แน่นอนแล้วแต่ว่าไฟที่บ้านของคุณแรงหรือไม่)


ทีนี้ก็ถึงเวลาหั่นยอดมะพร้าวตามสไตล์เลยครับชอบหนา ชอบบาง ชอบเอียง ชอบสวย แต่ก็อย่าใหญ่จนเกินไป(เดี๋๋ยวยัดไม่เข้า)


พอคุณคิดว่าเนื้อน่าจะพอเคี้ยวได้แล้วก็ใส่ยอดมะพร้าวลงต้มเป็นลำดับต่อไป.............

                              
ดูเวลา......ทีนี้ ทั้งเนื้อ ทั้งยอดมะพร้าว เปื่อยแล้ว มาดูวิธีต่อไปเลยครับ

                               
เอากระทะตั้งไฟให้ร้อน นำพริกแกงเขียวหวานที่เตรียมไว้ มาผัดจนรู้สึกว่าเริ่มหอม(แค่เริ่มหอมนะครับ กลิ่นไหม้ไม่เอา)

                               
ทีนี้เอาหัวกะทิมาใส่กระทะเลยครับ ผัดกับพริกแกงเขียวหวาน ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงที่เราเตรียมไว้

                               
ในกระทะได้ที่แล้วนำมารวมใส่หม้อเลยครับ


รอจนกว่าจะเดือดอีกรอบ


ล้างมะเขือพวงและใบโหระพาให้สะอาด


ใส่มะเขือพวงกับใบโหระพาลงไปเลยครับ


หน้าตาน่ากินแล้ว รออีกครู่เดียวครับ(ใกล้ได้กินแล้ว)


FINISH เสร็จแล้วครับ

                              

แล้วแต่คุณเลยครับว่าจะทานกับอะไร แต่โดยส่วนตัวผมชอบกินกับขนมจีน(เพราะโรงขนมจีนอยู่ใกล้บ้าน)


เส้นเหนียวนุ่มเป็นอะไรที่เหมาะสมกันที่สุด(แหล่มเลย) มื้อนี้คงอร่อยแน่


ขออนุญาติไปทานก่อนแล้วกัน พบกันกระทู้หน้านะครับ น้ำลายไหล


เส้นทางนักทำเงินด้วยการขายเนื้อวัว


                                                ราคาขายส่งเนื้อโคขุน
                                                                      
ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2555

     

ราคาเนื้อชิ้นส่วนใหญ่ (WHOLESALE)                          ประเภทสินค้า/ ชื่อสินค้า
1.    CHUCK CHOULDER สันไหล่ สันส่วนหน้า        กิโลกรัมละ             153 - 155         บาท
2.    RIB EYE สันกลางถอดกระดูก                                กิโลกรัมละ             153 - 155         บาท
3.    STRIP LOIN สันนอก                                             กิโลกรัมละ             153 - 155         บาท
4.    SIRLOIN TIP ลูกมะพร้าว                                      กิโลกรัมละ             153 - 155         บาท
5.    SIRLOIN สันสะโพก                                               กิโลกรัมละ             153 - 155         บาท
6.    TOP ROUND สะโพกใน                                         กิโลกรัมละ             153 - 155         บาท
7.    BOTTOM ROUND สะโพกนอก                            กิโลกรัมละ             153 - 155         บาท
8.    TENDER LOIN สันใน                                           กิโลกรัมละ             175 - 180         บาท
9.    HUMP โหนก                                                           กิโลกรัมละ             153 - 155         บาท
10.  BRISKET เสือร้องไห้                                              กิโลกรัมละ             148 - 150         บาท
11.  FRINGER เนื้อร่องซี่โครง                                       กิโลกรัมละ             138 - 140         บาท
12.  พื้นท้อง                                                      กิโลกรัมละ             138 - 140         บาท                    
13.  สามชั้น                                                       กิโลกรัมละ              138 - 140         บาท
14.  เอ็นแก้ว                                                      กิโลกรัมละ              130 - 132         บาท
15.  SHANK น่องลาย                                     กิโลกรัมละ              140 - 142         บาท
16.  LEAN FLANK เนื้อใบบัว                       กิโลกรัมละ              150 - 152         บาท 
17.  ลิ้น                                                            กิโลกรัมละ              130 - 132         บาท
18.  เศษเนื้อ                                                     กิโลกรัมละ                83 - 85           บาท

หมายเหตุ   :    ( ราคาทั้งหมดสามารถปรับลดลงได้อีก ตามยอดปริมาณการสั่งซื้อสินค้าที่กำหนดไว้ )
รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่คุณ  อานนท์  เบอร์โทร  087-166-5549 ,  084 -327-0862  หรือที่ e-mail : graphiciden@gmail.com เราเป็นโรงเชือดเองเลย โรงเชือดได้รับการรับรองความสะอาดจากกระทรวงสาธารณสุขด้วย และเชือดถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม  บริการจัดส่งถึงที่ ราคาเป็นกันเอง



1. สันไหล่ = สเต็ก
2.
สันแหลม = สเต็ก
3.
ซี่โครง = บาบีคิว
4.
เสือร้องไห้ = ย่าง, ต้ม.
5.
ปลาช่อน = ผัด
6.
ใบพาย = สุกี้
7. รักบี้ = ผัด, ย่าง
8.
น่อง = ตุ๋น, แกง
9.
สันนอก = สเต็ก
10.
สันใน = สเต็ก
11.
ที-โบน = สเต็ก
12.
เนื้อชายท้อง = ย่าง
13 เนื้อใบบัว = ย่าง
14
ลูกมะพร้าว = ย่าง, อบ
15
สันสะโพก = สเต็ก
16
พับใน = ย่าง, อบ
17
พับนอก = ย่าง, อบ



ก็เป็นไปตามที่ได้คาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ตอนที่โพสบทความแรกลงใน blog นี้ ราคาเนื้อวัวยังคงขึ้นไม่หยุด จาก 130 บาทต่อกิโลกรัมในช่วงนั้น สู่ 170 บาทต่อกิโลกรัมในตอนนี้ พี่น้องที่ร่วมทำธุรกิจค้าเนื้อวัวด้วยกันมาตั้งแต่แรกก็ล้มเลิกกิจการไปหลายราย สาเหตุ ลูกค้าหันไปบริโภคเนื้อสัตว์ทางเลือกอื่นๆที่ราคาย่อมเยาว์กว่าแทน แต่ผมเองยังล้มเลิกไม่ได้และคงต้องสู้ต่อไปเพื่ออนาคตของลูกตัวเล็กๆทั้ง2คนครับ
 


บทความเก่า 22 มิ.ย. 2011

เริ่มต้นทำความรู้จักกันเลยและกัน .....




ผมและครอบครัวผมมีอาชีพขายเนื้อวัว(และก็คงจะขายต่อไปเรื่อยเรื่อยเพราะไม่รู้ว่าจะทำอาชีพอะไร?) เอาหล่ะเข้าเนื้อหา ผมอยากให้ผู้ที่กำลังอ่านหรือผู้ที่สนใจจะประกอบอาชีพค้าขายเนื้อวัวได้มีความรู้ว่าอาชีพที่ดูเหมือนจะทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ(อันที่จริงเมื่อก่อนก็เคยเป็นอย่างนั้น)แต่ปัจจุบันด้วยภาวะที่ประเทศเพื่อนบ้านหันมาไล่ซื้อวัวในประเทศเราเนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่าประเทศเขา(น่าจะพอสมควร) ทำให้กำไรที่เคยสูงเหลือเพียงแค่ กำไร 4วัน ขาดทุน 3วัน แต่บวก ลบ คูณ หารแลัวก็ยังพออยู่ได้ เมื่อวัวที่เคยมีล้นตลาด มันถูกแบ่งไปโดยประเทศเพื่อนบ้าน วัวที่เหลืออยู่น้อยนิดจึงมีราคาแพง(เพราะซะส่วนมากมันจะโตไม่ทัน)




เริ่มจากปีแรกที่ครอบครัวผมเพิ่งจะเริ่มทำอาชีพนี้กำไรเยอะมากครับ ช่วงนั้น(ถ้าจำไม่ผิด)เนื้อวัวที่รับมาขายตกกิโลกรัมละ 70บาท(ที่ไม่ค่อยแน่ใจเพราะอายุเริ่มเยอะ กลัวหลงๆลืมๆ)ไปขายหน้าเขียงกิโลกรัมละ 100 บาท ขายแรกๆวันธรรมดาวันละตัว-2ตัว วันอาทิตย์ 5-6ตัว ตัวนึงหนักประมาณ 250-300กิโล เครื่องในกิโลกรัมละ 30 ไปขายกิโลกรัมละ 60 หักที่แต่งเอ็นและมันออกจากเนื้อ กำสุทธิวันนึงจะอยู่ที่ 4,000-5,000บาท วันอาทิตย์วันเดียวกำไร30,000ขึ้น จนกระทั่งประเทศเพื่อนบ้านเราเริ่มเข้ามากว้านซื้อดูได้จากตัวอย่างข่าวที่ผมอ่านมา"เวียดนามกว้านซื้อวัว เมืองเลยขายยกคอก ชาวบ้านหันปลูกยางพาราแทน เผยเห็นญาติปลูกยางได้เงินดี ส่วนคนเลี้ยงวัวมีแต่ลำบากได้ไม่คุ้มทุน ปศุสัตว์จังหวัดเลยชี้พื้นที่เลี้ยงวัวน้อยลง จนทำให้ประชากรวัวหดหาย ด้านชาวบ้านชายแดนอุบลเลี่ยงใช้เนื้อหมูแทน นรข.เผยมีวัวเถื่อนข้ามโขงขายต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ผอ.สุขศาสตร์สัตว์ที่ 4 เตือนเกษตรกรอย่าขายแม่พันธุ์วัวเชื่ออนาคตขาดแคลนหนัก" (ไม่ต้องอนาคตหรอกครับตอนนี้ก็ขาดแคลนแล้ว)นี่เป็นแค่ตัวอย่างเดียว แล้วราคาวัวที่เคยถูกก็ค่อยค่อยขยับตัวสูงขึ้น จากรายปี เป็นรายเดือนและปัจจุบัน ราคาขยับรายวัน(ยิ่งกว่าทองคำ)และวัวก็หายากมากขึ้น ตอนนี้โรงชำแหละวัวที่เคยร่ำรวย พาเจ๊งกันไปเป็นแถว เดี๋ยวจะยกอีกซักตัวอย่างมาจากคนที่ร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เมื่อ 26 พฤษภาคม 2554 มีข้อความว่า"เรียนท่านผู้ว่าจังหวัดตาก ขณะนี้ที่ ตลาดนัด วัว -ควาย อ.แม่สอด มีพวกพ่อค้าชาวต่างชาติ เข้ามากว้านซื้อ วัว -ควาย  เป็นจำนวนมาก นัดละไม่ต่ำกว่า 1000 ตัวขนออกนอกประเทศ ทาง จังหวัด ปราจีนบุรี ไม่รู้ว่าปศุ** อ.แม่สอดออกใบย้าย ข้ามเขตปลอดโรคได้อย่างไร ขนาดคนไทยจะขอย้ายข้ามเขต ยังยาก มีมาตราการที่เข้มงวดมาก อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ดูแล บ้าง อย่าเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่อยากให้บ้านเราเหมือนภาค อิสาน ที่ให้พวกมันมาขนเอาไปจนหมด
       และเข้ามาซื้อในราคาที่แพงมาก ทำให้พ่อค้าเนื้อคนไทยไม่สามารถซื้อได้ เพราะซื้อไปก็มีแต่ขาดทุน ในช่วง หนึ่งปีที่ผ่านมาเราปรับราคาขาย 3 ครั้งแล้วเนื้อแพงขึ้น จาก 140 เป็น 170 บาท เนื้อแพงขึ้นมาก  ถ้าเรายังปล่อยให้พวกมันเข้ามาซื้อแบบไม่จำกัดอย่างนี้ ต่อไปคนไทยคงต้องกินเนื้อกิโลละ 200-300 บาทแบบเวียดนามแน่ๆ และอาจจะไม่มีกินด้วยเพราะพวกมันซื้อไปเชือดหมด"เพราะปัญหาจับวัวแพง(ขายแพงก็ไม่มีใครซื้อ ขายถูกก็ขาดทุน) หาวัวยาก จึงต้องปิดตัวไปตามตามกันผลกระทบนี้ยังทำให้ผู้ประกอบการเขียงจำหน่ายเนื้อวัวตามตลาดสดที่เคยขายได้ในราคาปกติก็ต้องขยับขยายขึ้นราคา ส่งผลให้ผู้ที่เคยรับประทานเนื้อวัวก็หันไปบริโภคเนื้อสัตว์ทางเลือกอื่นๆที่ราคาย่อมเยาว์กว่าแทน ถึงปัจจุบันนี้ครอบครัวผมจะได้รับผลกระทบ(มากจนต้องกินเงินเก่าแล้ว)รับเนื้อวัวที่มีราคาแพงแต่ยังจำเป็นที่จะต้องขายกันในราคาถูกอยู่ เพื่อรักษาฐานผู้บริโภคเอาไว้(เอาชีวิตรอด วินวิน)ผู้บริโภคซื้อได้ในราคาถูก เราได้กำไร(น้อยนิดมากๆ)พอไว้ซื้อข้าวเลี้ยงพยาธิในท้อง (ว่าแล้วก็เปิดราคาให้ดูเลยและกัน) ต้นทุนตอนนี้รับมากิโลละ 130 ต้องแต่งทั้งเอ็นและมัน(เอ็นเอาไปขายแค่กิโลละ75 มันกิโลละ20จากราคา130)หายไปก็หลายโลแล้วเฉพาะเอ็นกับมัน ไปขายจริงหน้าร้านกิโลละ 135-140 เครื่องในรับ 58 ขาย 65 (วันไหนเหลือนิดเหลือหน่อยก็ขาดทุนเป็นหลายพันแล้ว)ถ้าใครคิดว่ากำลังจะประกอบอาชีพนี้ผมแนะนำว่าตอนนี้เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเถอะครับ(สถานะการณ์ตอนนี้คนในอยากจะออก คนนอกก็ไม่แน่ใจว่าอยากจะเข้ารึเปล่า)"เอาบทความนี้ไว้เป็นทางเลือกในการตัดสินใจก็ได้นะครับ"








จุดประสงค์ตอนนี้ที่ทำบอร์ดขึ้นมาเพื่อหวังจะแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจอาชีพนี้ ซื้อขาย-แลกเปลี่ยน(วัว) และก็หวังว่าจะได้ผู้ซื้อและผู้ขายเข้ามาในบอร์ดเยอะเยอะนะครับ
(ตอนนี้ขายส่งเนื้อวัวกิโลละ133-135บาทใครหรือโรงแรมไหนสนใจจะซื้อติดต่อไว้ได้นะครับ มีขายทุกส่วนที่เกี่ยวกับวัว ปล.ตอนนี้ลำบากถึงขนาดต้องทำblogมาขายเนื้อวัวแล้ว ช่วยอุดหนุนด้วยนะครับ)

บทความหน้าจะสอนทำอาหารที่เกี่ยวกับเนื้อวัวนะครับ