ราคาขายส่งเนื้อโคขุน
ตั้งแต่วันที่
13 กรกฎาคม 2555
ราคาเนื้อชิ้นส่วนใหญ่ (WHOLESALE) ประเภทสินค้า/ ชื่อสินค้า
1. CHUCK CHOULDER สันไหล่ สันส่วนหน้า กิโลกรัมละ 153 - 155 บาท
2. RIB EYE สันกลางถอดกระดูก กิโลกรัมละ 153 - 155 บาท
3. STRIP LOIN สันนอก กิโลกรัมละ 153 - 155 บาท
4. SIRLOIN TIP ลูกมะพร้าว กิโลกรัมละ 153 - 155 บาท
5. SIRLOIN สันสะโพก กิโลกรัมละ 153 - 155 บาท
6. TOP ROUND สะโพกใน กิโลกรัมละ 153 - 155 บาท
7. BOTTOM ROUND สะโพกนอก กิโลกรัมละ 153 - 155 บาท
8. TENDER LOIN สันใน กิโลกรัมละ 175 - 180 บาท
9. HUMP โหนก กิโลกรัมละ 153 - 155 บาท
10. BRISKET เสือร้องไห้ กิโลกรัมละ 148 - 150 บาท
11. FRINGER เนื้อร่องซี่โครง กิโลกรัมละ 138 - 140 บาท
12. พื้นท้อง กิโลกรัมละ 138 - 140 บาท
13. สามชั้น กิโลกรัมละ 138 - 140 บาท
14. เอ็นแก้ว กิโลกรัมละ 130 - 132 บาท
15. SHANK น่องลาย กิโลกรัมละ 140 - 142 บาท
16. LEAN FLANK เนื้อใบบัว กิโลกรัมละ 150 - 152 บาท
17. ลิ้น กิโลกรัมละ 130 - 132 บาท
18. เศษเนื้อ กิโลกรัมละ 83 - 85 บาท
หมายเหตุ : ( ราคาทั้งหมดสามารถปรับลดลงได้อีก ตามยอดปริมาณการสั่งซื้อสินค้าที่กำหนดไว้ )
รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่คุณ อานนท์ เบอร์โทร 087-166-5549 , 084 -327-0862 หรือที่ e-mail :
graphiciden@gmail.com เราเป็นโรงเชือดเองเลย โรงเชือดได้รับการรับรองความสะอาดจากกระทรวงสาธารณสุขด้วย และเชือดถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม บริการจัดส่งถึงที่ ราคาเป็นกันเอง
1. สันไหล่ = สเต็ก 2. สันแหลม = สเต็ก 3. ซี่โครง = บาบีคิว 4. เสือร้องไห้ = ย่าง, ต้ม. 5. ปลาช่อน = ผัด 6. ใบพาย = สุกี้
|
7. รักบี้ = ผัด, ย่าง 8. น่อง = ตุ๋น, แกง 9. สันนอก = สเต็ก 10. สันใน = สเต็ก 11. ที-โบน = สเต็ก 12. เนื้อชายท้อง = ย่าง
|
13 เนื้อใบบัว = ย่าง 14 ลูกมะพร้าว = ย่าง, อบ 15 สันสะโพก = สเต็ก 16 พับใน = ย่าง, อบ 17 พับนอก = ย่าง, อบ
|
ก็เป็นไปตามที่ได้คาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่
22 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ตอนที่โพสบทความแรกลงใน blog นี้ ราคาเนื้อวัวยังคงขึ้นไม่หยุด จาก 130 บาทต่อกิโลกรัมในช่วงนั้น สู่ 170 บาทต่อกิโลกรัมในตอนนี้ พี่น้องที่ร่วมทำธุรกิจค้าเนื้อวัวด้วยกันมาตั้งแต่แรกก็ล้มเลิกกิจการไปหลายราย สาเหตุ ลูกค้าหันไปบริโภคเนื้อสัตว์ทางเลือกอื่นๆที่ราคาย่อมเยาว์กว่าแทน แต่ผมเองยังล้มเลิกไม่ได้และคงต้องสู้ต่อไปเพื่ออนาคตของลูกตัวเล็กๆทั้ง2คนครับ
บทความเก่า 22 มิ.ย. 2011
เริ่มต้นทำความรู้จักกันเลยและกัน .....
ผมและครอบครัวผมมีอาชีพขายเนื้อวัว(และก็คงจะขายต่อไปเรื่อยเรื่อยเพราะไม่รู้ว่าจะทำอาชีพอะไร?) เอาหล่ะเข้าเนื้อหา ผมอยากให้ผู้ที่กำลังอ่านหรือผู้ที่สนใจจะประกอบอาชีพค้าขายเนื้อวัวได้มีความรู้ว่าอาชีพที่ดูเหมือนจะทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ(อันที่จริงเมื่อก่อนก็เคยเป็นอย่างนั้น)แต่ปัจจุบันด้วยภาวะที่ประเทศเพื่อนบ้านหันมาไล่ซื้อวัวในประเทศเราเนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่าประเทศเขา(น่าจะพอสมควร) ทำให้กำไรที่เคยสูงเหลือเพียงแค่ กำไร 4วัน ขาดทุน 3วัน แต่บวก ลบ คูณ หารแลัวก็ยังพออยู่ได้ เมื่อวัวที่เคยมีล้นตลาด มันถูกแบ่งไปโดยประเทศเพื่อนบ้าน วัวที่เหลืออยู่น้อยนิดจึงมีราคาแพง(เพราะซะส่วนมากมันจะโตไม่ทัน)
เริ่มจากปีแรกที่ครอบครัวผมเพิ่งจะเริ่มทำอาชีพนี้กำไรเยอะมากครับ ช่วงนั้น(ถ้าจำไม่ผิด)เนื้อวัวที่รับมาขายตกกิโลกรัมละ 70บาท(ที่ไม่ค่อยแน่ใจเพราะอายุเริ่มเยอะ กลัวหลงๆลืมๆ)ไปขายหน้าเขียงกิโลกรัมละ 100 บาท ขายแรกๆวันธรรมดาวันละตัว-2ตัว วันอาทิตย์ 5-6ตัว ตัวนึงหนักประมาณ 250-300กิโล เครื่องในกิโลกรัมละ 30 ไปขายกิโลกรัมละ 60 หักที่แต่งเอ็นและมันออกจากเนื้อ กำสุทธิวันนึงจะอยู่ที่ 4,000-5,000บาท วันอาทิตย์วันเดียวกำไร30,000ขึ้น จนกระทั่งประเทศเพื่อนบ้านเราเริ่มเข้ามากว้านซื้อดูได้จากตัวอย่างข่าวที่ผมอ่านมา"เวียดนามกว้านซื้อวัว เมืองเลยขายยกคอก ชาวบ้านหันปลูกยางพาราแทน เผยเห็นญาติปลูกยางได้เงินดี ส่วนคนเลี้ยงวัวมีแต่ลำบากได้ไม่คุ้มทุน ปศุสัตว์จังหวัดเลยชี้พื้นที่เลี้ยงวัวน้อยลง จนทำให้ประชากรวัวหดหาย ด้านชาวบ้านชายแดนอุบลเลี่ยงใช้เนื้อหมูแทน นรข.เผยมีวัวเถื่อนข้ามโขงขายต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ผอ.สุขศาสตร์สัตว์ที่ 4 เตือนเกษตรกรอย่าขายแม่พันธุ์วัวเชื่ออนาคตขาดแคลนหนัก" (ไม่ต้องอนาคตหรอกครับตอนนี้ก็ขาดแคลนแล้ว)นี่เป็นแค่ตัวอย่างเดียว แล้วราคาวัวที่เคยถูกก็ค่อยค่อยขยับตัวสูงขึ้น จากรายปี เป็นรายเดือนและปัจจุบัน ราคาขยับรายวัน(ยิ่งกว่าทองคำ)และวัวก็หายากมากขึ้น ตอนนี้โรงชำแหละวัวที่เคยร่ำรวย พาเจ๊งกันไปเป็นแถว เดี๋ยวจะยกอีกซักตัวอย่างมาจากคนที่ร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เมื่อ 26 พฤษภาคม 2554 มีข้อความว่า"เรียนท่านผู้ว่าจังหวัดตาก ขณะนี้ที่ ตลาดนัด วัว -ควาย อ.แม่สอด มีพวกพ่อค้าชาวต่างชาติ เข้ามากว้านซื้อ วัว -ควาย เป็นจำนวนมาก นัดละไม่ต่ำกว่า 1000 ตัวขนออกนอกประเทศ ทาง จังหวัด ปราจีนบุรี ไม่รู้ว่าปศุ** อ.แม่สอดออกใบย้าย ข้ามเขตปลอดโรคได้อย่างไร ขนาดคนไทยจะขอย้ายข้ามเขต ยังยาก มีมาตราการที่เข้มงวดมาก อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ดูแล บ้าง อย่าเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่อยากให้บ้านเราเหมือนภาค อิสาน ที่ให้พวกมันมาขนเอาไปจนหมด
และเข้ามาซื้อในราคาที่แพงมาก ทำให้พ่อค้าเนื้อคนไทยไม่สามารถซื้อได้ เพราะซื้อไปก็มีแต่ขาดทุน ในช่วง หนึ่งปีที่ผ่านมาเราปรับราคาขาย 3 ครั้งแล้วเนื้อแพงขึ้น จาก 140 เป็น 170 บาท เนื้อแพงขึ้นมาก ถ้าเรายังปล่อยให้พวกมันเข้ามาซื้อแบบไม่จำกัดอย่างนี้ ต่อไปคนไทยคงต้องกินเนื้อกิโลละ 200-300 บาทแบบเวียดนามแน่ๆ และอาจจะไม่มีกินด้วยเพราะพวกมันซื้อไปเชือดหมด"เพราะปัญหาจับวัวแพง(ขายแพงก็ไม่มีใครซื้อ ขายถูกก็ขาดทุน) หาวัวยาก จึงต้องปิดตัวไปตามตามกันผลกระทบนี้ยังทำให้ผู้ประกอบการเขียงจำหน่ายเนื้อวัวตามตลาดสดที่เคยขายได้ในราคาปกติก็ต้องขยับขยายขึ้นราคา ส่งผลให้ผู้ที่เคยรับประทานเนื้อวัวก็หันไปบริโภคเนื้อสัตว์ทางเลือกอื่นๆที่ราคาย่อมเยาว์กว่าแทน ถึงปัจจุบันนี้ครอบครัวผมจะได้รับผลกระทบ(มากจนต้องกินเงินเก่าแล้ว)รับเนื้อวัวที่มีราคาแพงแต่ยังจำเป็นที่จะต้องขายกันในราคาถูกอยู่ เพื่อรักษาฐานผู้บริโภคเอาไว้(เอาชีวิตรอด วินวิน)ผู้บริโภคซื้อได้ในราคาถูก เราได้กำไร(น้อยนิดมากๆ)พอไว้ซื้อข้าวเลี้ยงพยาธิในท้อง (ว่าแล้วก็เปิดราคาให้ดูเลยและกัน) ต้นทุนตอนนี้รับมากิโลละ 130 ต้องแต่งทั้งเอ็นและมัน(เอ็นเอาไปขายแค่กิโลละ75 มันกิโลละ20จากราคา130)หายไปก็หลายโลแล้วเฉพาะเอ็นกับมัน ไปขายจริงหน้าร้านกิโลละ 135-140 เครื่องในรับ 58 ขาย 65 (วันไหนเหลือนิดเหลือหน่อยก็ขาดทุนเป็นหลายพันแล้ว)ถ้าใครคิดว่ากำลังจะประกอบอาชีพนี้ผมแนะนำว่าตอนนี้เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเถอะครับ(สถานะการณ์ตอนนี้คนในอยากจะออก คนนอกก็ไม่แน่ใจว่าอยากจะเข้ารึเปล่า)"เอาบทความนี้ไว้เป็นทางเลือกในการตัดสินใจก็ได้นะครับ"
จุดประสงค์ตอนนี้ที่ทำบอร์ดขึ้นมาเพื่อหวังจะแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจอาชีพนี้ ซื้อขาย-แลกเปลี่ยน(วัว) และก็หวังว่าจะได้ผู้ซื้อและผู้ขายเข้ามาในบอร์ดเยอะเยอะนะครับ
(ตอนนี้ขายส่งเนื้อวัวกิโลละ133-135บาทใครหรือโรงแรมไหนสนใจจะซื้อติดต่อไว้ได้นะครับ มีขายทุกส่วนที่เกี่ยวกับวัว ปล.ตอนนี้ลำบากถึงขนาดต้องทำblogมาขายเนื้อวัวแล้ว ช่วยอุดหนุนด้วยนะครับ)
บทความหน้าจะสอนทำอาหารที่เกี่ยวกับเนื้อวัวนะครับ